Subscribe

RSS Feed (xml)

Powered By

Skin Design:
Free Blogger Skins

Powered by Blogger

วันพุธที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2554

dsfsfsdfsfsdfs

dsfdsffffffffffffffffffffffffffffffffffffffffffddddddddddddddddddddddddd

วันพฤหัสบดีที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2553

วันอาทิตย์ที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2553

ขนมของแม่

    แม่จะมีความสุขซึ่งแสดงออก ทั้งสีหน้าแววตา เมื่อได้เห็นหน้าลูกๆ กลับบ้าน และอยากทำอาหารอร่อยๆ ให้ลูกทานเสมอ
   ฉันจะคอยบอกห้ามเพราะกลัวแม่เหนื่อยเกินไปเพราะอายุมากแล้วร้างกายไม่แข็งแรงเหมือนเดิม แต่แม่ก้บอกกับฉันว่า แม่ทำได้ ลูกกลับบ้าน แม่ก้อยากทำของที่ลูกชอบกินให้ลูกได้กินกัน เวลาลูกๆ ไม่อยู่พอถึงเวลากินข้าว แม่จะนึกถึงลูกๆ แม่จะคอยพูดเรียกหาให้ลูกมากินข้าวด้วยกัน ฟังแม่พูดแล้วน้ำตาฉันก้ไหล ซาบซึ้งในพระคุณแม่ รักของแม่ที่แม่มอบให้ลูกๆช่างมากล้น ซึ่งลูกๆ คงต้องทดแทนไม่หมดเลยในชาตินี้ ฉันจะมีความสุขอบอุ่นใจที่ได้อยู่ใกล้ชิดกับแม่ จะชวนท่านคุยเรื่องโน้นเรื่องนี้ จะเล่าถึงช่วงที่ฉันไปทำงานอยู่กรุงเทพฯให้ท่านฟัง ช่วงเวลาเข้าพรรษาแม่ทำขนมขาย เหนื่อยมากเพราะขายดีช่วยกันทำกับพ่อสองคน ถ้าวันใหนที่แม่ทำขนมตาล ตอนกลางคืนจะไม่ค่อยได้นอน ต้องนึ่งขนมตลอด แม่บอกว่าต่องพิถีพิถัน ก็จะทำขนมฟูขึ้นได้มาก ฟังแม่เล่าก้นึกภาพตาม ฉันไม่ค่อยแปลกใจหรอกว่า ทำไมขนมของแม่ถึงขายดี ขนมที่แม่ทำชิ้นใหญ่ และแม่ชอบแถบใหลูกค้า ฉันเคยเห็นขนมที่แม่ทำ และนึกไปถึงขนมที่เราซื้อกินในกรุเทพฯ มันต่างกันมาก ฉันถาม...แม่ทำขนมขายอย่างนี้ แม่จะได้กำไรอะไร เหนื่อยก็เหนื่อย และฉันก้ได้ฟังคำตอบที่สุดแสนประทับใจ เมื่อแม่บอกว่า แม่ไม่ค่อยคิดมากเรื่องขาดทุน แม่มีความสุขที่ได้ทำ ได้ให้ ทำอะไรก้พยายามทำให้ดี ลูกค้าเขาสุขใจ พอใจในสิ่งที่เราให้ นึกถึงใจเขาใจเรา นึกถึงเวลาเราไปซื้อของ ก้อยากได้สิ่งดีๆ ที่สุดมาให้ตน แม่ทำขนมชิ้นใหญ่เพราะอยากให้ลูกค้าได้กิน  พอฉันได้ฟังแม่พูด ฉันก็เกิดสำนึก ลดจิตขี้โลก ล้มเลิกความหวังที่จะให้แม่ทำขนมขายเอากำไรมากๆ เพราะสิ่งที่แม่สอนเรา ทั้งคำพูดและการกระทำ ช่างเป็นสิ่งที่ประเสริฐ เดี๋ยวนี้ฉันไม่ขัดใจในสิ่งที่อม่ทำ เพราะเราเห็นแววตาที่ท่านสื่อออกมา บอกถึงความสุขใจที่ได้ให้ ฉันควรยินดีและสนับสนุนกับเรื่องที่ท่านทำแล้วท่านสบายใจ อิ่มใจ เพราะสิ่งที่ทำไม่ได้ทำให้คนอื่นทุกข์ลำบากใจ ท่านไม่ได้ไปก่อบาปละโมบโดยการขายเอากำไรมากๆ สักหน่อย
   ยิ่งให้ไปยิ่งได้มา ไม่ใช่เป็นการค้ากำไรเอาเงินกลับคืนมา
   แต่คือการได้ความสุขภายในใจจากการได้ให้




จากนิตยาสารดอกบัวน้อย

วันศุกร์ที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2553

ความรักที่แท้จริง

"ความรักที่แท้และความซื่อสัตย์นั้น ถึงแม้จะถูกผลักไสไล่ส่งสักเพียงใดก็ไม่จืดจาง เช่นเดียวกับความเท็จและความไม่จริงใจ ถึงแม้จะได้รับการทะนุถนอมสักเพียงใด ก็ไม่กลับเป็นดีขึ้นได้"

เป็นคำกล่าวของ วิลเลี่ยม เชกสเปียร์ นักเขียนกวีผู้เรืองนามของประเทศอังกฤษ คำกล่าวของเขาสะท้อนให้เห็นว่า เมื่อใดก็ตามที่เรามีวิธีปฏิบัติต่อเรื่องที่เกิดขึ้นในชีวิตด้วยความดีและรักแท้บริสุทธิ์ แม้วันหนึ่งจะถูกมองวิธีการแสดงออกเพราะความรักนั้นเป็นเช่นใด ความดีอันเกิดแต่ความรักแท้นั้น ก็ยังคงเป็นความดีอยู่เช่นเดิม ขณะเดียวกันในส่วนที่เป็นความเลวร้าย ถึงแม้จะมีใครโจษขานว่าเป็นความดี ก็ไม่สามารถกลับร้ายกลายเป็นดีได้ เพราะทั้งสองส่วนแยกทางเดินขนานกันอย่างที่ไม่รู้ว่าจะมีเส้นทางบรรจบกันได้อย่างไร
ชีวิตของคนเราก็เช่นกัน หากใครมีมุมมองในการใช้ชีวิตด้วยความรักอย่างมีสติ โอกาสที่จะเดินไปสู่จุดที่เป็นความสมดุลระหว่างชีวิตจิตใจของตัวเองและสิ่งแวดล้อมอื่นๆ ย่อมเป็นไปด้วยความเอื้ออารีต่อกันและกันเสมอ เพราะมีวิธีเกี่ยวข้องด้วยอารมณ์แห่งรักที่บริสุทธิ์ มิใช่ความรักที่เคลือบแฝงด้วยความมุ่งร้ายซ่อนไว้ในใจแต่อย่างใด ความรักนั้นจึงก่อให้เกิดเป็นความดีงามอย่างน่าชื่นชม
แต่ในทางตรงกันข้าม หากผู้ใดมองความรักโดยมีศูนย์รวมที่ตัวเองเป็นหลัก ต้องการรวมความรู้สึกที่น่าปรารถนาจากผู้อื่นมาบรรจบอยู่ที่ตัวเอง คิดเผื่อให้ผู้อื่นเป็นอย่างที่ประสงค์ และฉุดกระชากลากดึงสิ่งที่ปรารถนามาสู่ห้วงเหตุผลของตัวเองฝ่ายเดียว นั่นแสดงว่าความรักเริ่มลดทอนความบริสุทธิ์ลง กลับกลายเป็นความเห็นแก่ตัวแทน เมื่อนั้นความรักจะกลายเป็นความหลง ทำให้คนนั้นหูหนวกตาบอดในทันที ทำให้มองแต่ไม่เห็น ฟังแต่ไม่ได้ยิน
มองสิ่งที่ผู้อื่นบอกว่าเป็นความผิดว่าถูกต้องในความคิดของตน ฟังคำกล่าวตักเตือนด้วยความหวังดีว่าเป็นความประสงค์ร้าย ทำให้เกิดการไม่ยอมรับในความคิดเห็นนั้น เมื่อภาวะของความลวงครอบงำเช่นนี้ ย่อมทำให้ชีวิตพลัดหล่นจากเส้นทางที่ดีงามไป กว่าจะกลับมาได้ ทุกอย่างที่ถักทอไว้ก็ต้องใช้เวลาเนิ่นนาน ในการสานต่อให้เป็นความดีได้ดั่งเดิม

รพินทรนาถ ฐากูร ปราชญ์เมธีชาวอินเดียกล่าวไว้ว่า
ความรักได้สอนให้เรารู้ชัดว่า ความชื่นชมสูงสุดของเรา อยู่ในการสละความรู้สึกส่วนตัวเข้าร่วมเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับผู้อื่น ความรักนี้ก่อสร้างปัญญา และความงดงามแห่งจิตในขอบเขตที่เราวางไว้ แต่มันจะหยุดอยู่ ถ้าหากเราไม่ขยายขอบเขตนั้นต่อไปอีก และยังจะกลับย้อนมาเป็นปฏิปักษ์ต่อวิญญาณแห่งความรักเองด้วยอีก เพราะมิตรภาพของเราจะเป็นไปเฉพาะพวกเฉพาะเหล่า"
เมื่อได้พิจารณานิยามของความรักอย่างถูกต้องและกระจ่างชัดด้วยความเข้าใจแล้ว เราก็ควรที่จะเข้าไปชำระล้างห้องของดวงใจให้มีความพร้อมที่บริสุทธิ์ ที่จะรองรับความรักอันนำไปสู่ความเกื้อกูลต่อสรรพสิ่ง
เพราะหากมั่นใจในรักที่เป็นความงดงามแล้วไซร้ ไฉนเราจึงต้องปิดประตูแห่งรักนั้นด้วย เพราะรักที่แท้จริงนั้นงดงาม และเอื้ออารีต่อสรรพสิ่งเสมอ แต่เหตุที่รักแปรเปลี่ยนไป ก็เพราะฝนแห่งความหมองเศร้ากระหน่ำพร่างพรมมารดชีวิตชั่วขณะเท่านั้นเอง แต่คราเมื่อหมอกฝนแห่งความหลงเลือนหายไป ความรักแท้ที่งดงามก็กลับมาเยือนชีวิตด้วยความรื่นรมย์เช่นเคย
ถ้าหากเราขาดความเชื่อมั่นที่จะให้ความรักนำทางแล้ว วิธีคิดและการก้าวไปสู่สิ่งที่มุ่งหวังย่อมเลือนรางออกไปด้วยเช่นกัน เพราะการที่ใครคนหนึ่งจะก้าวไปสู่จุดหมายที่หวังไว้นั้น ต้องเริ่มต้นด้วยความรักและศรัทธาที่จะก้าวไป หลังจากนั้นจึงลงมือเดินตามหาฝันนั้นด้วยความพยายาม ผสานด้วยใจที่รู้จักไตร่ตรองสิ่งที่เกิดขึ้นด้วยสติปัญญาเป็นเข็มทิศนำทาง
แต่ถ้าขาดความรักเป็นไฟส่องนำ การแสวงหาของบุคคลนั้น ย่อมไม่ต่างอะไรกับคนตาบอดที่ถือโคมไฟส่องทาง แต่ไม่สามารถทำให้เขามองเห็นเป้าหมายที่ปรารถนาอยู่ดี การเดินทางเพื่อไปสู่สิ่งที่หวัง จึงเต็มไปด้วยความยากลำบากเสมอ ทว่าเมื่อให้ความรักนำทางแล้วไซร้ การแสวงหานั้นย่อมเป็นการก้าวไปอย่างมีความหวัง และมีพลังที่จะไขว่คว้าสิ่งที่หมายปองมาครอบครองได้
ดังนั้น หากเชื่อมั่นในรัก อย่าปิดประตูไปจากรัก หากเชื่อมั่นว่ารักจะนำไปสู่การสร้างสันติให้กับชีวิต ก็โปรดทะนุดถนอมรักนั้นด้วยสติปัญญาให้มาโอบล้อมตัวเรา เพื่อเป็นกำแพงกางกั้นธุลีที่จะมาเกาะหน่วงรักนั้นให้ลดกำลังลง เมื่อนั้น รักแท้บริสุทธิ์ย่อมสำแดงตนบนความงดงาม และทรงคุณค่าตามวิถีแห่งรักเสมอ

วันพุธที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2553

ชีวิตกับความรัก

 ความรักที่แท้จริงควร หมายถึงความกรุณาปรารถณาดีต่อผู้อืนโดยไม่หวังผลตอบแทน เป้นจิตใจเข้มแข็งแน่วแน่ในการเสียสละ ต้อนรับกับสรรพชีวิตอย่างให้เกิยรติ ให้อภัย จิตใจเผื่อแผ่ รักแท้จึงเป็นภราดรภาพอันลึกซึ้งระหว่างชีวิตต่อชีวิต มิใช่สิ่งที่ตัดสินกันได้ด้วยรูปแบบภายนอกที่งดงาหรือยิ่งใหญ่ แต่คือสุขสัมผัสทางใจที่ไดให้ผู้มีความรัก... มิได้หมายความว่าเขาจะต้องได้อะไรมาครอบครองตอบแทน หรือหัวใจใครๆเอาไว้ บางทีเขาอาจไม่ได้สิ่งใดๆเลย นอกจากปิติสุขอันเปี่ยสล้นในชีวิต ถ้าความรักที่กล่าวนี้มิได้หมายถึงการรักตนเองไม่ว่ารูปแบบใดๆ  เปิดเผยหรือซ่อนเร้น ตั้งต้นขึ้นที่หัวใจอันแห้งแล้ง ปรารถนาหาใครมาเติมเต็มจนอุดมสมบูรณ์ นี่ใช่ใหมถนนสายความรัก

จากนิตยาสารดอกบัวน้อย

วันอังคารที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2553

ความสุขที่เรียบง่าย

     คนทุกคน มีเส้นทางเดินชีวิตที่ต่างกัน แต่ละคนมีความฝัน ความมุ่งหวัง ความปรารถนาในแบบของตัวตนของเราเอง แต่ทว่า! เราไม่เคยพอใจกับตัวเราเอง เราอยากได้สิ่งต่างๆ เพื่อเสพสม อัตตาของเรา สนองความอยากของเรา เราเคยรองฉุกคิดบ้างใหม ทุกครั้งที่เรได้อะไรมา เราก็ต้องหาของใหมต่อไป หากเราพอหรือประหยัดบ้าง ยอมใช้ของเก่า หรือของมือสองบ้าง ก็น่าจะประหยัดทรัพยากรธรรมชาติ และประหยัดเงินในกระเป๋า
    บางครั้งคราเวลาฝนตกให้ความชุ้มชื่นไม่น้อย ทำไมเราไม่อยู่กับบ้าน ฟังเสียงฝนกับพ่อแม่พี่น้อง ความสุขของชีวิตบางครังก็ไม่ขึ้นอยู่กับการไปเที่ยวเล่นนอกบ้านกับเพื่อนฝูงเสมอไป ในการใช้ชีวิต ในการเรียน น้องๆควรจะมีขอบเขตในการคยหาแฟนหรือเพื่อนๆ ให้อยู่ในกรอบของความดี วัฒนธรรม และประเพณีไทย
   การได้แสดงความรักต่อโลกด้วยการปลู้ต้นไม้ การงดใช้ถุงพลาสติก การได้กอดพ่อแม่หอมแก้มท่าน ความสุขนี้หาได้ก้ต่อเมื่อเราฝันไปเท่านั้น เราจะใฝ่ดี เราจะมีใจมุ่งมั้น เราจะมีความกล้าหาญ พร้อมกับการพากเพียรเล่ารียน โดยใส่ใจต่อสุขภาพ ด้วยการออกกำลังกายบ้าง สิ่งเหล่านี้ทำให้เรามั่นใจในการก้าวเดินไปในหนทางเดินชีวิต ด้วยความเป็นผู้นำ และมีความสงบสุขบนรากฐานจิตใจที่เข้มแข็งของหัวใจของทุกๆคนไม่ว่าจะเผชิญอุปสรรคใดในชีวิต

เวลาไม่เคยหยุด ไม่เคยตาย
จิตใจที่ได้ผ่านการต่อสู้ในวันเวลา
คือกำไรของชีวิต ที่ได้ลิ้มรสชาติของความเป็นคน

บทความจากนิตยาสารดอกบัวน้อย

ช่วยกัน comment ด้วยนะครับ

ประกาศการเริ่มใช้บล็อค

บล็อคนี้จะเริ่มโพสข้อความตั้งแต่วันที่ 3/8/2010 รอติดตามด้วยนะครับ